หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ไม้เถาเลื้อย


พวงหยก


ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Strongylodon macrobotrys 

ชื่อสามัญ :             Jade vine; Emerald creeper 
วงศ์ :                        Fabaceae 
ลักษณะทั่วไป

 ต้น      พวงหยกเป็นไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง เถามีสีน้ำตาลเข้ม มักเลื้อยไปตามหลักต่าง ๆ หรือตามกำแพงแล้วจะทิ้งต้นย้อยลงมา แลดูสวยงาม จึงนิยมปลูกพวงหยกบริเวณริมกำแพง ซุ้มประตู หรืออาจ  เป็นซุ้มที่นั่งเล่น หรือซุ้มใสวนสาธารณะ

ใบ        ลักษณะของใบเป็นใบประกอบที่มีขนาดใหญ่ ใบมีความกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร และยาว
              ประมาณ 13 เซนติเมตร ใบจะออกสลับซ้าย - ขวา ไปตลอดกิ่ง และใบหนึ่งก้านใบ จะมีใบย่อย 
              3 ใบ ใบจะค่อนข้างรี มีปลายใบและโคนใบแหลม
ดอก      ลักษณะของดอกจะออกเป็นช่อแล้วห้อยลง ดอกมีสีเขียวหยกดอกจะเริ่มทยอยบานจากบริเวณ
               โคนช่อก่อน ลักษณะของตัวดอกนั้นจะคล้ายกับดอกแค แต่ดอกพวงหยกจะมีขนาดใหญ่กว่าดอก
               แต่ละดอกจะมีก้านดอกยึดติดกับแกนของช่อรวมกันเป็นพวง มีกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูประ
               ฆังส่วนกลีบดอกนั้นจะแบน ภายในหนึ่งดอกจะมี 5 กลีบ มีขนาด ต่าง ๆ มีเกสรตัวผู้อยู่กลางดอก
               10 กัน ช่อดอกที่สมบูรณ์มีความยาวประมาณ 65-70 เซนติเมตร

ฤดูกาลออกดอก  ออกดอกในช่วงฤดูหนาว
การปลูก ปลูกโดยการใช้เมล็ด จะต้องนำเมล็ดมาเพราะในกะบะเพาะ เมื่อเมล็ดแตกเป็นต้นอ่อนมีใบแท้ 2 ใบ 

ก็ให้ย้ายต้นอ่อนลงถุงกระดาษ ขนาดเล็กถุงละ 1 ต้น แล้วจึงค่อยนำถุงต้นกล้าออกวางให้ได้รับแสงแดดบ้าง จนได้รับแสงแดดเต็มที่ ประมาณ2 สัปดาห์ ก็สามารถนำต้นกล้าลงปลูกในบริเวณที่ต้องการได้
การดูแลรักษา

แสง     พวงหยกเป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดพอสมควร จึงเหมาะที่จะปลูกในบริเวณที่แสงแดดส่องได้ถถึงหรืออาจจะปลูกบริเวณรั้วบ้านก็ได้ 

น้ำ        พวงหยกต้องการน้ำปานกลาง การให้น้ำควรให้วันละครั้ง ในตอนเช้าก็เพียงพอแล้ว
ดิน       ดินที่จะใช้ปลูกพวงหยก มักจะเป็นดินร่วน หรือดินร่วนปนทรายที่สามารถระบายน้ำได้ดี หรือไม่เป็นดินเหนียวที่อุ้มน้ำไว้มากเกินไป
ปุ๋ย        ปุ๋ยที่ใช้ส่วนใหญ่มักจะเป็นปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักมากกว่าปุ๋ยเคมี แต่หากจะใช้ปุ๋ยเคมีก็ให้ใช้ปุ๋ยสำหรับไม้ดอกก็ได้

การขยายพันธุ์

ด้วยการปักชำ หรือตอนกิ่ง หรือเพาะเมล็ด นิยมปลูกเป็นไม้เลื้อยขึ้นร้าน ศาลาริมน้ำ รั้วบ้านทางเข้าประตู 




อัญชัน


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clitoria ternatea L.
ชื่อสามัญ : Blue pea, Blue vine, Butterfly pea, Pigeon wings
ชื่อวงศ์ : Fabaceae
ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : แดงชัน เอื้องชัน
ลักษณะทั่วไป
   อัญชันเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก นิยมปลูกกันตามรั้วบ้าน ขึ้นได้ในดินทุกชนิดไม่เลือกสภาพ อายุนาน แต่ขึ้นกับอากาศ และสภาพแวดล้อม ใบเป็นใบรวม เถาและใบไม่รกแน่น ดอกมีหลายสีได้แก่สีครามแก่ สีน้ำเงิน สีขาว สีม่วง สีชมพู มีทั้งชนิดและกลีบซ้อน ดอกมีรูปร่างคล้ายฝาหอยเซลล์ กลีบนอกสีเขียว กลีบในมี 5 กลีบ กลีบบนใหญ่ สองกลีบข้างและกลีบล่างรวมกันเป็นรูปท้องเรือ นอกจากดอกมีความสวยงามแล้วใช้เป็นไม้ประดับแล้วนั้น ดอกอัญชันใช้ประโยชน์เป็นสีผสมขนมรับประทาน
ฤดูกาลออกดอก  อัญชันเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกตลอดปี
การปลูก
อัญชันมีวิธีการปลูกง่ายและขึ้นง่ายไม่ต้องการดูแลรักษามากนักวิธีการปลูกโดยการนำต้นกล้าจากการเพาะเมล็ดมาปลูกลงแปลงปลูก และบริเวณใกล้แปลงปลูกควรมีรั้ว หรือไม้ระแนงเพื่อ
ให้เถาอัญชันเลื้อยพาด หรือยึดเกาะเพื่อการทรงตัวได้
การดูแลรักษา
แสง          อัญชันเป็นไม้กลางแจ้งที่มีความต้องการแสงพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับต้องการแสงจัดมาก
น้ำ             ต้องการน้ำปานกลาง การรดน้ำจะต้องไม่ถึงกับแฉะ รดน้ำแต่พอชุ่มก็พอ และควรรดน้ำวัน   ละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและช่วงเย็น
ดิน             อัญชันจะขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี
ปุ๋ย             ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกผสมกับดินปลูก
การขยายพันธุ์ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด


สร้อยอินทนิล


ชื่อวิทยาศาสร์      :               Thunbergia grandiflora.
ตระกูล                   :              ACANTHACEAE
ชื่อสามัญ              :               Key Vine, Sky Flower, Heavenly Blue, Blue Trumpet

ลักษณะทั่วไป
ต้น สร้อยอินทนิลเป็นไม้เถาเลื้อยที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลื้อยพันต้นไม้อื่นไปได้ไกลประมาณ 40-50 ฟุต เถาอ่อนมีสีเขียวเข้ม ส่วนเถาแก่จะเป็นสีน้ำตาล
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะรูปทรงใบจะเป็นรูปไข่แกมรูป หัวใจ หรือใบคล้ายใบพลู
ดอก มีดอกสีฟ้าอ่อนถึงสีฟ้าเข้ม อกดอกเป็นช่อตามข้อต้นหรือตามซอกใบ
ฤดูกาลออกดอก   สร้อยอินทนิลจะออกดอกตลอดปี

การปลูก
สร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว มีนิสัยชอบอยู่กลางแจ้งเหมาะที่จะให้เลื้อยขึ้นซุ้มเพราะสร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่มีใบดกแน่นทึบสามารถเป็นร่มไม้ใบบังได้เป็นอย่างดีและเมื่อยามออกดอกก็จะห้อยระย้าลงมา ดูสวยงามมาก การ
ดูแลรักษา
แสง
สร้อยอินทนิลเป็นไม้กลางแจ้ง จึงมีความต้องการแสงแดดมาก
น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง หลังปลูกเมื่อต้นโตและแข็งแรงดีแล้วให้รดน้ำวันละ 1 ครั้ง แต่ละครั้งที่รดน้ำ / จะต้องรดจนดินชุ่มจึงจะพอ แต่ก็มิได้หมายความว่าจะต้องรดจนดินแฉะ
ดิน สร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่ขึ้นง่ายในดินแทบทุกชนิด และถ้าเป็นดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี ก็จะยิ่งเจริญงอกงามได้ดี
ปุ๋ย ตอนปลูกให้ใช้ปุ๋ยหมักเป็นปุ๋ยรองก้นหลุม เมื่อต้นโตแล้วให้พรวนดิน บริเวณโคนต้นแล้ว ใส่ปุ๋ยหมักปีละ 2-3 ครั้ง
การขยายพันธุ์
โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปักชำฤดูกาลออก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น