พวงหยก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Strongylodon
macrobotrys
ชื่อสามัญ :
Jade vine; Emerald creeper
วงศ์ : Fabaceae
ลักษณะทั่วไป
ต้น
พวงหยกเป็นไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง เถามีสีน้ำตาลเข้ม
มักเลื้อยไปตามหลักต่าง ๆ หรือตามกำแพงแล้วจะทิ้งต้นย้อยลงมา แลดูสวยงาม จึงนิยมปลูกพวงหยกบริเวณริมกำแพง
ซุ้มประตู หรืออาจ เป็นซุ้มที่นั่งเล่น หรือซุ้มใสวนสาธารณะ
ใบ ลักษณะของใบเป็นใบประกอบที่มีขนาดใหญ่ ใบมีความกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร และยาว
ประมาณ 13 เซนติเมตร ใบจะออกสลับซ้าย - ขวา
ไปตลอดกิ่ง และใบหนึ่งก้านใบ จะมีใบย่อย
3 ใบ ใบจะค่อนข้างรี มีปลายใบและโคนใบแหลม
ดอก ลักษณะของดอกจะออกเป็นช่อแล้วห้อยลง
ดอกมีสีเขียวหยกดอกจะเริ่มทยอยบานจากบริเวณ
โคนช่อก่อน ลักษณะของตัวดอกนั้นจะคล้ายกับดอกแค
แต่ดอกพวงหยกจะมีขนาดใหญ่กว่าดอก
แต่ละดอกจะมีก้านดอกยึดติดกับแกนของช่อรวมกันเป็นพวง
มีกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูประ
ฆังส่วนกลีบดอกนั้นจะแบน ภายในหนึ่งดอกจะมี 5 กลีบ
มีขนาด ต่าง ๆ มีเกสรตัวผู้อยู่กลางดอก
10 กัน ช่อดอกที่สมบูรณ์มีความยาวประมาณ 65-70 เซนติเมตร
ฤดูกาลออกดอก ออกดอกในช่วงฤดูหนาว
การปลูก ปลูกโดยการใช้เมล็ด
จะต้องนำเมล็ดมาเพราะในกะบะเพาะ เมื่อเมล็ดแตกเป็นต้นอ่อนมีใบแท้ 2 ใบ
ก็ให้ย้ายต้นอ่อนลงถุงกระดาษ ขนาดเล็กถุงละ 1 ต้น
แล้วจึงค่อยนำถุงต้นกล้าออกวางให้ได้รับแสงแดดบ้าง จนได้รับแสงแดดเต็มที่ ประมาณ2
สัปดาห์ ก็สามารถนำต้นกล้าลงปลูกในบริเวณที่ต้องการได้
การดูแลรักษา
แสง พวงหยกเป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดพอสมควร
จึงเหมาะที่จะปลูกในบริเวณที่แสงแดดส่องได้ถถึงหรืออาจจะปลูกบริเวณรั้วบ้านก็ได้
น้ำ พวงหยกต้องการน้ำปานกลาง การให้น้ำควรให้วันละครั้ง
ในตอนเช้าก็เพียงพอแล้ว
ดิน ดินที่จะใช้ปลูกพวงหยก มักจะเป็นดินร่วน
หรือดินร่วนปนทรายที่สามารถระบายน้ำได้ดี หรือไม่เป็นดินเหนียวที่อุ้มน้ำไว้มากเกินไป
ปุ๋ย ปุ๋ยที่ใช้ส่วนใหญ่มักจะเป็นปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักมากกว่าปุ๋ยเคมี
แต่หากจะใช้ปุ๋ยเคมีก็ให้ใช้ปุ๋ยสำหรับไม้ดอกก็ได้
การขยายพันธุ์
ด้วยการปักชำ หรือตอนกิ่ง หรือเพาะเมล็ด นิยมปลูกเป็นไม้เลื้อยขึ้นร้าน
ศาลาริมน้ำ รั้วบ้านทางเข้าประตู
อัญชัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clitoria ternatea L.
ชื่อสามัญ : Blue pea, Blue vine,
Butterfly pea, Pigeon wings
ชื่อวงศ์ : Fabaceae
ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : แดงชัน
เอื้องชัน
ลักษณะทั่วไป
อัญชันเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก
นิยมปลูกกันตามรั้วบ้าน ขึ้นได้ในดินทุกชนิดไม่เลือกสภาพ อายุนาน แต่ขึ้นกับอากาศ
และสภาพแวดล้อม ใบเป็นใบรวม เถาและใบไม่รกแน่น ดอกมีหลายสีได้แก่สีครามแก่
สีน้ำเงิน สีขาว สีม่วง สีชมพู มีทั้งชนิดและกลีบซ้อน ดอกมีรูปร่างคล้ายฝาหอยเซลล์
กลีบนอกสีเขียว กลีบในมี 5 กลีบ กลีบบนใหญ่
สองกลีบข้างและกลีบล่างรวมกันเป็นรูปท้องเรือ
นอกจากดอกมีความสวยงามแล้วใช้เป็นไม้ประดับแล้วนั้น
ดอกอัญชันใช้ประโยชน์เป็นสีผสมขนมรับประทาน
ฤดูกาลออกดอก อัญชันเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกตลอดปี
การปลูก
อัญชันมีวิธีการปลูกง่ายและขึ้นง่ายไม่ต้องการดูแลรักษามากนักวิธีการปลูกโดยการนำต้นกล้าจากการเพาะเมล็ดมาปลูกลงแปลงปลูก
และบริเวณใกล้แปลงปลูกควรมีรั้ว หรือไม้ระแนงเพื่อ
ให้เถาอัญชันเลื้อยพาด หรือยึดเกาะเพื่อการทรงตัวได้
ให้เถาอัญชันเลื้อยพาด หรือยึดเกาะเพื่อการทรงตัวได้
การดูแลรักษา
แสง
อัญชันเป็นไม้กลางแจ้งที่มีความต้องการแสงพอสมควร
แต่ก็ไม่ถึงกับต้องการแสงจัดมาก
น้ำ
ต้องการน้ำปานกลาง การรดน้ำจะต้องไม่ถึงกับแฉะ รดน้ำแต่พอชุ่มก็พอ
และควรรดน้ำวัน ละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและช่วงเย็น
ดิน
อัญชันจะขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี
ปุ๋ย
ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกผสมกับดินปลูก
การขยายพันธุ์ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
สร้อยอินทนิล
ชื่อวิทยาศาสร์
: Thunbergia
grandiflora.
ตระกูล : ACANTHACEAE
ชื่อสามัญ : Key Vine, Sky Flower, Heavenly Blue, Blue Trumpet
ตระกูล : ACANTHACEAE
ชื่อสามัญ : Key Vine, Sky Flower, Heavenly Blue, Blue Trumpet
ลักษณะทั่วไป
ต้น สร้อยอินทนิลเป็นไม้เถาเลื้อยที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลื้อยพันต้นไม้อื่นไปได้ไกลประมาณ 40-50 ฟุต เถาอ่อนมีสีเขียวเข้ม ส่วนเถาแก่จะเป็นสีน้ำตาล
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะรูปทรงใบจะเป็นรูปไข่แกมรูป หัวใจ หรือใบคล้ายใบพลู
ดอก มีดอกสีฟ้าอ่อนถึงสีฟ้าเข้ม อกดอกเป็นช่อตามข้อต้นหรือตามซอกใบ
ต้น สร้อยอินทนิลเป็นไม้เถาเลื้อยที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลื้อยพันต้นไม้อื่นไปได้ไกลประมาณ 40-50 ฟุต เถาอ่อนมีสีเขียวเข้ม ส่วนเถาแก่จะเป็นสีน้ำตาล
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะรูปทรงใบจะเป็นรูปไข่แกมรูป หัวใจ หรือใบคล้ายใบพลู
ดอก มีดอกสีฟ้าอ่อนถึงสีฟ้าเข้ม อกดอกเป็นช่อตามข้อต้นหรือตามซอกใบ
ฤดูกาลออกดอก สร้อยอินทนิลจะออกดอกตลอดปี
การปลูก
สร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว มีนิสัยชอบอยู่กลางแจ้งเหมาะที่จะให้เลื้อยขึ้นซุ้มเพราะสร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่มีใบดกแน่นทึบสามารถเป็นร่มไม้ใบบังได้เป็นอย่างดีและเมื่อยามออกดอกก็จะห้อยระย้าลงมา ดูสวยงามมาก การ
การปลูก
สร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว มีนิสัยชอบอยู่กลางแจ้งเหมาะที่จะให้เลื้อยขึ้นซุ้มเพราะสร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่มีใบดกแน่นทึบสามารถเป็นร่มไม้ใบบังได้เป็นอย่างดีและเมื่อยามออกดอกก็จะห้อยระย้าลงมา ดูสวยงามมาก การ
ดูแลรักษา
แสง สร้อยอินทนิลเป็นไม้กลางแจ้ง จึงมีความต้องการแสงแดดมาก
น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง หลังปลูกเมื่อต้นโตและแข็งแรงดีแล้วให้รดน้ำวันละ 1 ครั้ง แต่ละครั้งที่รดน้ำ / จะต้องรดจนดินชุ่มจึงจะพอ แต่ก็มิได้หมายความว่าจะต้องรดจนดินแฉะ
ดิน สร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่ขึ้นง่ายในดินแทบทุกชนิด และถ้าเป็นดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี ก็จะยิ่งเจริญงอกงามได้ดี
ปุ๋ย ตอนปลูกให้ใช้ปุ๋ยหมักเป็นปุ๋ยรองก้นหลุม เมื่อต้นโตแล้วให้พรวนดิน บริเวณโคนต้นแล้ว ใส่ปุ๋ยหมักปีละ 2-3 ครั้ง
การขยายพันธุ์
โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปักชำฤดูกาลออก
แสง สร้อยอินทนิลเป็นไม้กลางแจ้ง จึงมีความต้องการแสงแดดมาก
น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง หลังปลูกเมื่อต้นโตและแข็งแรงดีแล้วให้รดน้ำวันละ 1 ครั้ง แต่ละครั้งที่รดน้ำ / จะต้องรดจนดินชุ่มจึงจะพอ แต่ก็มิได้หมายความว่าจะต้องรดจนดินแฉะ
ดิน สร้อยอินทนิลเป็นไม้ที่ขึ้นง่ายในดินแทบทุกชนิด และถ้าเป็นดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี ก็จะยิ่งเจริญงอกงามได้ดี
ปุ๋ย ตอนปลูกให้ใช้ปุ๋ยหมักเป็นปุ๋ยรองก้นหลุม เมื่อต้นโตแล้วให้พรวนดิน บริเวณโคนต้นแล้ว ใส่ปุ๋ยหมักปีละ 2-3 ครั้ง
การขยายพันธุ์
โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปักชำฤดูกาลออก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น